kanjanaporn

ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อเราเริ่มรู้จัก เริ่มคุ้นชินกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ใครหลายคนต่างจินตนาการถึงรถยนต์ในอนาคตว่า รูปร่าง หลักการทำงาน จะเป็นเช่นไร บ้างก็ว่าก็ต้องใช้ พลังงานไฟฟ้า มาทดแทนถึงจะเป็นคำตอบแห่งอนาคตที่แท้จริง เมื่อความมุ่งมั่นบวกกับความทะเยอทะยาน “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” จึงถือกำเนิดขึ้นมา จากปัญหาที่เรื้อรั้งมานานนับสิบปีอย่าง “ปัญหามลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้น” หรือสภาพเศรษฐกิจที่เป็นแรงผลักดันให้เจ้าตลาดรถ เริ่มถีบตัวเองขึ้นมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเหตุผลลึกซึ้งแค่ไหน บทบาทของรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มบูมขึ้นมาเรื่อย ๆ อยู่ดี ปัจจุบันรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ รถไฮบริด (HEV หรือ Hybrid Electric Vehicle) รุ่นแรกที่เป็นลูกครึ่งระหว่างเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ยังไม่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้ โดยรุ่นนี้จะนำพลังงานกลที่ได้จากเครื่องยนต์ เก็บไว้ในเเบตเตอรี่ เพื่อจ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าต่อไป ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองที่ต่ำกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เช่น รถยนต์ Toyota Alphard และ Honda Stepwagon Spada เป็นต้น รถปลั๊กอินไฮบริด(PHEV หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle) Generation นี้ถูกต่อยอดจากรุ่นแรก โดยจะเพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟขึ้นมา (#plugin ) ซึ่งรถยนต์จะสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางมากกว่ารถแบบ Hybrid Electric Vehicle แต่ยังคงมีการทำงานร่วมกันระหว่างระบบน้ำมันและไฟฟ้าอยู่ เช่น รถยนต์ Porsche Cayenne […]

รถยนต์ความร้อนขึ้น หรือ เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Over Heat) หมายถึง เครื่องยนต์มีความร้อนเกินกว่าระดับการใช้งานปกติ ซึ่งจะเกิดจากความผิดปกติที่เกี่ยวกับระบบช่วยระบายความร้อนของรถยนต์ เมื่อเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง (เครื่องยนต์ร้อนจัด) จะทำให้ไม่สามารถรักษาอุณหภูมิในห้องเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดเป็นควันพุ่งขึ้นมาได้ สาเหตุของเครื่องยนต์ความร้อนขึ้น ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท หรือ ฝาเสื่อมสภาพ พัดลมหม้อน้ำทำงานผิดปกติ หรือ ไม่ทำงาน หม้อน้ำเกิดการรั่วซึม ในระบบหล่อเย็น สายพานปั้มน้ำขาด ปั้มน้ำชำรุด วาล์วน้ำไม่ทำงาน ท่อทางเดินน้ำชำรุด หรือ อุดตัน ลักษณะไหนถึงเรียกว่าความร้อนขึ้น ? รถยนต์ตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไปจะมีการแสดงผลเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์แตกต่างกันไป โดยจะแบ่งได้ 2 แบบดังนี้ แบบที่ 1  : มาตรวัดแบบเข็ม  โดยปกติแล้วตัวเข็มจะอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างตัวอักษร C กับ H ซึ่งตัวอักษร C จะแทนคำว่า Cool  ส่วนตัวอักษร H จะแทนคำว่า Hot  หากพบว่าเข็มไปแตะที่ขีดสีแดง แสดงว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงมากแบบผิดปกติ   อุณหภูมิของเครื่องยนต์เป็นปกติ อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงเกินปกติ แบบที่

 เลือกฟิล์มรถยนต์ ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องสำหรับผู้ใช้รถ อย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าฟิล์มรถยนต์มีส่วนช่วยในการกรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่รถยนต์ได้  ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอุณหภูมิสูงตลอดทั้งปี ทำให้การติดฟิล์มกรองแสงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้รถจำเป็นต้องติดไปโดยปริยาย ซึ่งตามท้องตลาดก็มีฟิล์มหลากหลายยี่ห้อและรุ่นให้เลือกซื้อมากมายตามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน 3 ข้อแนะนำในการเลือกฟิล์มกรองแสง เพื่อไม่ให้โดนหลอก! การพิจารณาคุณภาพฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ดี ควรได้รับเกณฑ์จากโรงงานที่ผลิตและได้รับมาตรฐานจาก AIMCAL (ASSOCIATION OF INDUSTRIAL METALLIZERS COATERS AND LAMINATORS), ASTM (AMERICAN SOCIETY FOR TESTING AND MATERIALS) และ ASHRAE ซึ่งฟิล์มกรองแสงที่ได้รับการรับรอง  จะเป็นส่วนช่วยการันตีถึงคุณภาพของฟิล์มนั้น ๆ เช่น % การช่วยลดความร้อน % การสะท้อนแสง และ % การช่วยลดรังสี แหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือผู้ใช้งานสามารถพิจารณาคุณภาพของฟิล์มกรองแสงได้ง่าย ๆ จากการดูแหล่งการรับรองการผลิตที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ ฟิล์มที่มีคุณภาพส่วนมากจะเป็นไปตามมาตรฐานจาก ISO 9001 ซึ่งเป็นระบบควบคุมคุณภาพและการออกแบบที่ได้รับมาตรฐานสากล ราคาและการโฆษณาในปัจจุบันฟิล์มกรองแสงนั้นมีให้เลือกหลากหลายประเภท และยี่ห้อด้วยกัน ส่วนมากราคาของแต่ละยี่ห้อจะใกล้เคียงกัน (หากเทียบตามรุ่น) ซึ่งราคาฟิล์มที่ได้รับมาตรฐานต้องมีราคาที่สมเหตุสมผล และปราศจากการโฆษณาชวนเชื่อเกินความเป็นจริง ผู้ใช้งานควรยึดจากมาตรฐานที่กำหนดไว้ 

.docx ในยุคปัจจุบันนี้ เรามักจะเห็นรถยนต์จากค่ายต่าง ๆ หันมาผลิตรถแนว MPV มากขึ้น อันเนื่องมาจากการผสมผสานโครงสร้างตัวรถต่าง ๆ ให้มีความแปลกใหม่และทันสมัยมากขึ้น  รวมไปถึงการพัฒนาออกแบบรถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถของคนยุคนี้  การใช้รถยนต์ MPV ในเมืองไทยเองก็ยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเรื่อยมา เช่นเดียวกับรถยนต์จากฟากฝั่งแดนปลาดิบ อย่าง Toyota Alphard และ Honda Stepwagon Spada ถือยังเป็นรถยนต์ที่คนให้ความสนใจมากที่สุดในบรรดารถ MPV นำเข้า Toyota Alphard มีจุดเด่นอะไรบ้าง? Alphard มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ประเภทคือ เครื่องยนต์น้ำมันและเครื่องยนต์ Hybrid เบาะพิงศีรษะแบบมิกกี้เมาส์ เพื่อโอบศีรษะในระหว่างการเดินทาง (เบาะรุ่นนี้จะมีในรุ่นAlphard GF, SC และ SRC ) เบาะโดยสารเป็นระบบปรับไฟฟ้า ((เบาะรุ่นนี้จะมีในรุ่น Alphard GF, SC และ SRC  จอแขวน ขนาด 13 นิ้ว Honda Stepwagon

แบตเตอรี่รถยนต์คือ อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟฟ้าและจัดเก็บแหล่งพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ของรถเช่น เครื่องยนต์ ระบบไฟส่องสว่างและระบบอื่น ๆ ที่ต้องการกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงเพื่อให้ทำงานได้ เช่น ระบบจุดระเบิด มอเตอร์สตาร์ท เป็นต้น  รวมไปถึงเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองที่ได้รับจากการหมุนของไดร์ชาร์จนั้นเอง   ในกรณีที่แบตเตอรี่มีไฟฟ้าไม่เพียงพอก็ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ให้ติดได้ สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมด แบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน ปกติแล้วอายุของแบตเตอรี่จะใช้ได้ประมาณ 3-5 ปี ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ ทำให้ประจุไฟฟ้าที่จะเข้าไปยังแบตเตอรี่เข้าได้น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน 5 สัญญาณเตือนแบตเตอรี่ใกล้หมดสภาพ เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดช้าหรือติดยากขึ้น แสงไฟหน้ารถยนต์สว่างน้อยลง กระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ ใช้แบตเตอรี่มานานเกิน 2 ปี แบตเตอรี่รถยนต์มีกี่ประเภท? ประเภทที่ 1 แบตเตอรี่แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free) หรือ SMF  แบตเตอรี่แบบแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน หรือสังเกตง่าย ๆ คือไม่มีรูสำหรับเติมน้ำกลั่นเลย ภายในของแบตเตอรี่ตัวนี้ไม่ได้แห้งเหมือนชื่อ แต่ภายในถูกบรรจุด้วยของเหลวสำหรับทำปฏิกิริยานั้นเอง แบตเตอรี่แบบนี้มีการเติมน้ำกรดและชาร์จไฟมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน สะดวก ดูแลรักษาง่าย

เดินทางกับรถคู่ใจ ปลอดภัยไร้กังวล ด้วยบริการตรวจเช็ครถ ที่ BRG ตรวจให้ ( ฟรี )  ถึง 6 รายการ1.ระบบของเหลว2.ระบบไฟฟ้า3.ระบบทำความเย็น4.ระบบน้ำหล่อเย็น5.ระบบช่วงล่าง6.ระบบขับขี่และสมรรถนะ.* โปรโมชั่นตั้งแต่ วันนี้ – 30 เมษายน 2564*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด————————————————————————————-สอบถามข้อมูลได้ที่… Tel : 088-377-6992 Inbox : BRG Group Website : www.brg.co.th Line : https://pixelfy.me/BRG-group Instagram : brg_group Youtube : Brggroup Channel

น้ำมันรถยนต์ หรือ น้ำมันเชื้อเพลิงคือ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของรถยนต์เป็นอันดับต้น ๆ เพราะหากรถยนต์ไม่มีน้ำมันก็เปรียบเสมือนร่างกายคนเราที่ไม่ได้รับประทานอาหาร  ในปัจจุบันน้ำมันรถยนต์มีให้เลือกเติมหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งในแต่ละประเภทก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามลักษณะรถยนต์และการใช้งาน เติมน้ำมันแบบไหนเหมาะสมกับรถเรามากที่สุด ? การเลือกเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับรถยนต์ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงรักษาหัวจ่ายน้ำมัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการฉีดน้ำมันให้เข้าไปยังห้องเผาไหม้ของรถยนต์   หากเราเติมน้ำมันที่ไม่เหมาะสมกับตัวรถ อาจทำให้หัวฉีดที่จ่ายน้ำมันทำงานบกพร่องหรืออุดตัน ส่งผลให้รถยนต์วิ่งแล้วสะดุดได้ ดังนั้นผู้ใช้รถควรตรวจสอบว่ารถยนต์ของท่านเหมาะกับการเติมน้ำมันแบบไหน โดยการดูจากที่ระบุไว้ที่ฝาถังน้ำมันรถยนต์ น้ำมันรถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถยนต์แบ่งได้เป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล 1.น้ำมันเบนซิน น้ำมันเบนซิน คือ เชื้อเพลิงที่กลั่นออกมาจากน้ำมันดิบ และนำมาเข้าสู่กระบวนการต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น เรียกว่า ออกเทน ซึ่งค่าความเข้มข้นของออกเทนนั้น จะขึ้นอยู่กับการใช้งานแต่ละประเภท เช่น การใช้งานกับรถยนต์และเครื่องบิน เป็นต้น น้ำมันเบนซินที่มีในปัจจุบันคือ น้ำมันเบนซิน 95   น้ำมันเบนซิน 95 คือน้ำมันที่มีราคาสูงและขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเสถียรมากที่สุด  น้ำมันชนิดนี้มีค่าออกเทนสูงถึง 95 % ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์และตอบสนองการทำงานของเครื่องยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อขับขี่เบนซิน 95 ใช้กับรถยนต์แบบไหนได้บ้าง : สามารถใช้ได้กับรถยนต์เกือบทุกประเภท 2.น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ คือเชื้อเพลิงที่ได้จากแอลกอฮอล์สกัดจากพืช เช่น

น้ำมันเครื่อง คือ สารหล่อลื่นเครื่องยนต์ ทำหน้าที่คล้ายฟิล์มเคลือบชิ้นส่วนโลหะ มีคุณสมบัติช่วยลดการเสียดสีและเสียดทาน ขณะที่มีการเคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องมีความสำคัญต่อเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก เพราะทุก ๆ ชิ้นส่วนของระบบเครื่องยนต์เมื่อมีการทำงาน แต่ละชิ้นส่วนจะทำการเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่พื้นผิวของวัตถุที่เสียดสีกัน หลังจากเกิดการเผาไหม้ มักจะมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ที่ห้องเครื่อง เราจึงจำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ ประโยชน์ของน้ำมันเครื่อง ช่วยระบายความร้อนให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ป้องกันการเกิดสนิม การกัดกร่อน คราบเขม่าควัน ลดการเกิดสิ่งสกปรกที่เกิดจากการเผาไหม้ ช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอของเครื่องยนต์ ทำไมต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง?  น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เมื่อน้ำมันเครื่องถูกใช้งานก็ส่งผลให้มีการเสื่อมคุณภาพลงเรื่อย ๆ  หากลองสังเกตเวลาที่เรานำรถยนต์ไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหลังจากใช้งานมาครบระยะที่กำหนด เราจะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่า  น้ำมันเครื่องตอนถ่ายออกมีลักษณะสีเข้มและเหนียวมาก ต่างกับตอนก่อนใช้งานที่น้ำมันเครื่องเหลวและใส บางครั้งเราจะเห็นตะกอนและคราบเขม่าต่าง ๆ ปนอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นเราควรนำรถยนต์ไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด หรือ หากมีการใช้งานรถยนต์อย่างหนัก ก็สามารถนำเข้าไปเปลี่ยนได้เช่นกัน ข้อดีของการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามที่กำหนด จะช่วยให้ รักษาเครื่องยนต์ให้สะอาด ยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องมีกี่ประเภท ?  การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสม จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เติมประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานได้อีกนาน  ซึ่งในปัจจุบันนี้น้ำมันเครื่องยนต์มีให้เลือกซื้อหลากหลายยี่ห้อด้วยกันตามท้องตลาด แต่มักจะมีความแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ เช่น สารเพิ่มคุณภาพ ซึ่งจะเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละยี่ห้อ โดยทั่วไปน้ำมันเครื่องจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ  ได้แก่

จากปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพงขึ้น จนแทบจะกระอักเลือด สร้างแรงผลักดันให้หลายคนคงเริ่มหันมาศึกษาและติดตามข่าวรถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งตรอกย้ำกระแสเทรนด์รถยนต์ EV มากขึ้น แม้ว่ากำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าอย่าง Porsche Taycan,Tesla และรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นในประเทศเราจะยังมีราคาที่จับต้องยาก แต่! อีกไม่นาน รถยนต์ไฟฟ้า คงตอบโจทย์ทุกกลุ่มและเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่ที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้อย่างแน่นอน ลุ้นยิ่งกว่าแทงหวย ภาวนาไปตาม ๆ กันเวลาติดตามข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า ขอให้นโยบายการเอื้อรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นมาจริงในเร็ว ๆ นี้  แต่สิ่งหนึ่งที่เริ่มทำให้คนสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มใจชื้นขึ้นคือ การเตรียมพิจารณาสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยภายในเดือนธันวาคม 2564 นี้ โดยประกอบด้วย 2 แนวทางหลักคือ การลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า การตั้งกองทุน เพื่ออุดหนุนราคาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วน นอกจากนี้ยังมีสัญญาณการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังเพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกมากมาย รวมไปถึงประชาชนที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ก็สามารถติดต่อขอรับเงื่อนไขการใช้ไฟได้ จุดเปลี่ยนของรถยนต์สันดาป กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้า เทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นวันนี้ BRG จะมารวม 3 ข้อดีของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ชมกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มตัว ประหยัดค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบที่น้อยกว่า และไม่มีส่วนของเครื่องยนต์  เมื่อไม่มีเครื่องยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

    ในการตัดสินใจเลือกรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน เราคงต้องศึกษารายละเอียดกันเยอะพอสมควร โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรละเลย วันนี้ BRG จะพาทุกคนมาตรวจสอบและดูรายละเอียดก่อนติดตั้ง EV Charger กัน ตรวจสอบประเภทหัวชาร์จ หัวชาร์จ Type 1 หัวชาร์จแบบ ACใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า EV นิยมใช้ในฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น หัวต่อแบบ 5 ขา เป็นการชาร์จแบบ Single Phase รองรับกระแสไฟฟ้า 32A(7.4 kWh) หัวชาร์จ Type 2นิยมใช้สำหรับรถยนต์ EV ในยุโรป เป็นหัวต่อ 7 ขา จ่ายไฟอยู่ที่ 3.7 kW ซึ่งมีเพียงรถยนต์ค่าย Tesla ที่ใช้ Type 2 แบบ DC สามารถจ่ายไฟถึง 130 kW รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนมากก็จะเป็นแบบหัวชาร์จ Type 2 เช่นเดียวกัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวชาร์จรถไฟฟ้าในไทย