รถยนต์ความร้อนขึ้น ควรรับมืออย่างไร

รถยนต์ความร้อนขึ้น หรือ เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Over Heat) หมายถึง เครื่องยนต์มีความร้อนเกินกว่าระดับการใช้งานปกติ ซึ่งจะเกิดจากความผิดปกติที่เกี่ยวกับระบบช่วยระบายความร้อนของรถยนต์ เมื่อเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง (เครื่องยนต์ร้อนจัด) จะทำให้ไม่สามารถรักษาอุณหภูมิในห้องเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดเป็นควันพุ่งขึ้นมาได้

สาเหตุของเครื่องยนต์ความร้อนขึ้น

  1. ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท หรือ ฝาเสื่อมสภาพ
  2. พัดลมหม้อน้ำทำงานผิดปกติ หรือ ไม่ทำงาน
  3. หม้อน้ำเกิดการรั่วซึม ในระบบหล่อเย็น
  4. สายพานปั้มน้ำขาด
  5. ปั้มน้ำชำรุด
  6. วาล์วน้ำไม่ทำงาน
  7. ท่อทางเดินน้ำชำรุด หรือ อุดตัน

ลักษณะไหนถึงเรียกว่าความร้อนขึ้น ?

รถยนต์ตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไปจะมีการแสดงผลเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์แตกต่างกันไป โดยจะแบ่งได้ 2 แบบดังนี้

แบบที่ 1  : มาตรวัดแบบเข็ม  โดยปกติแล้วตัวเข็มจะอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างตัวอักษร C กับ H ซึ่งตัวอักษร C จะแทนคำว่า Cool  ส่วนตัวอักษร H จะแทนคำว่า Hot  หากพบว่าเข็มไปแตะที่ขีดสีแดง แสดงว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงมากแบบผิดปกติ  

อุณหภูมิของเครื่องยนต์เป็นปกติ

อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงเกินปกติ

แบบที่ 2 : สัญลักษณ์ไฟเตือน เรามักจะพบสัญลักษณ์ไฟเตือนรูปปรอทในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ  บางคันจะมีลักษณะไฟขึ้นเป็นสีเขียวหรือสีฟ้า (ตามแต่ละรุ่นรถ) ในกรณีนี้ถือว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่ปกติ  ในทางกลับกันหากพบว่าสัญลักษณ์รูปปรอทนี้กลายเป็นสีแดง หมายถึงเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงเกินกว่าปกติ 

อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงเกินปกติ

วิธีรับมือเมื่อรถยนต์ความร้อนขึ้น

  • เมื่อพบว่ารถยนต์ความร้อนขึ้น ควรหาที่จอดรถและดับเครื่องทันที พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์

ข้อควรระวัง! แนะนำว่าค่อย ๆ เปิดฝากระโปรงหน้ารถและห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะเครื่องยนต์ยังร้อนโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีน้ำร้อนพุ่งขึ้นมาได้

  • จอดพักรถและรอให้ความร้อนลดลง และค่อย ๆ เปิดฝาหม้อน้ำอย่างระมัดระวัง เพื่อระบายแรงดันในหม้อน้ำที่เหลือออก

ข้อควรระวัง! ระหว่างการเปิดฝาหม้อน้ำ ควรหาผ้าหนา ๆ หรือสวมถุงมือก่อนการเปิด เพื่อป้องกันความร้อนโดนมือ

คำแนะนำจาก BRG : หากเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ ไม่ควรเติมน้ำหรือสาดน้ำเข้าไปยังห้องเครื่อง เพราะอาจส่งผลให้ฝาสูบโก่งหรือแตกได้

  • จากนั้นค่อยเติมน้ำทีละน้อย ๆ อย่างช้า ๆ โดยทิ้งช่วงเวลาห่างกันประมาณ 5 นาที เพื่อสังเกตดูระดับน้ำในหม้อน้ำก่อน

ข้อควรระวัง! หากพบว่าเมื่อเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำแล้วไม่เต็มสักที แถมใต้ท้องรถยังมีน้ำรั่วไหลออกมาหมด ให้สันนิษฐานได้เลยว่า หม้อน้ำแตก ควรนำเข้าศูนย์บริการเพื่อซ่อม

  • หลังจากเติมน้ำแล้ว น้ำไม่มีอาการรั่วซึมหรือรั่วซึมเพียงเล็กน้อย สามารถขับต่อไปได้ แต่ยังต้องค่อยหมั่นสังเกตว่ามีอาการความร้อนขึ้นอยู่หรือไม่ หรือทางที่ดีควรนำเข้ามาตรวจเช็กที่ศูนย์บริการ เพื่อความมั่นใจ

วิธีการป้องกันอาการเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท

รถยนต์ทุกคันมีโอกาสที่จะเกิดอาการความร้อนขึ้นได้ ดังนั้นแนะนำว่าควรหมั่นตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ของรถยนต์อยู่เสมอ เช่น สายพานต้องไม่หย่อนหรือตึงเกินไป มีรอยรั่วที่ส่วนหม้อน้ำหรือครีบรังผึ้งหม้อน้ำหรือไม่ ? พัดลมระบายความร้อนยังอยู่ในสภาพปกติหรือไม่? เป็นต้น  

คำแนะนำจาก BRG :    

  • ในกรณีรถยนต์ใหม่ อายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรเช็กหม้อน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก ๆ 4-6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกตกค้างในหม้อน้ำและทำให้เกิดการอุดตันได้ในอนาคต
  • ไม่ควรเติมน้ำเกินกว่าขีดที่กำหนด เนื่องจากเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัวขึ้น หากมีน้ำอยู่เกินกว่าปริมาณที่กำหนด อาจส่งผลให้หม้อน้ำแตกได้

หากมีสัญญาณเตือนของอาการรถยนต์ความร้อนขึ้น แนะนำว่าให้นำรถยนต์เข้าเช็กที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน หรือนำรถยนต์เข้ามาเช็กที่ศูนย์บริการ BRG Group ทั้ง 3 สาขา (สาขาศรีนครินทร์ สาขาแจ้งวัฒนะ และสาขารามคำแหง) เพื่อตรวจและซ่อมแซมก่อนจะลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาในอนาคต

อ่านข่าวสารและโปรโมชั่น คลิก  

อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ คลิก

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.