เช็กให้ชัวร์! ก่อนติดตั้ง EV Charger

    ในการตัดสินใจเลือกรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน เราคงต้องศึกษารายละเอียดกันเยอะพอสมควร โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรละเลย วันนี้ BRG จะพาทุกคนมาตรวจสอบและดูรายละเอียดก่อนติดตั้ง EV Charger กัน

  1. ตรวจสอบประเภทหัวชาร์จ หัวชาร์จ Type 1 หัวชาร์จแบบ AC
    ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า EV นิยมใช้ในฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น หัวต่อแบบ 5 ขา เป็นการชาร์จแบบ Single Phase รองรับกระแสไฟฟ้า 32A(7.4 kWh)

หัวชาร์จ Type 2
นิยมใช้สำหรับรถยนต์ EV ในยุโรป เป็นหัวต่อ 7 ขา จ่ายไฟอยู่ที่ 3.7 kW ซึ่งมีเพียงรถยนต์ค่าย Tesla ที่ใช้ Type 2 แบบ DC สามารถจ่ายไฟถึง 130 kW รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนมากก็จะเป็นแบบหัวชาร์จ Type 2 เช่นเดียวกัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวชาร์จรถไฟฟ้าในไทย

ดูรายละเอียด Tesla

       2.ตรวจสอบ On Board Charger On Board Charger เป็นอุปกรณ์ที่จะถูกติดตั้งอยู่ในระบบชาร์จแบตเตอรี่ในตัวรถยนต์ EV ซึ่งมีหน้าที่แปลงไฟกระแสสลับ AC เป็นไฟฟ้ากระแสตรง DC ซึ่ง On Board Charger จะมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ของ EV ด้วย ขนาดของ On Board Charger จะมีตั้งแต่ 3.6 kW ถึง 22kW ซึ่งมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟแบตเตอรี่เช่นกัน

       3.วิธีตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ควรตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟได้จากตัวมิเตอร์ไฟ ซึ่งโดยปกติขนาดมิเตอร์บ้านเรือนทั่วไป ส่วนมากจะใช้เป็น Single Phase 15(45) ซึ่งเป็นกำลังไฟที่ไม่เพียงพอต่อการชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจาก EV Charger ใช้กำลังไฟ 32 A ในกรณีที่บ้านใช้เครื่องไฟฟ้าหลายชนิดพร้อม ๆ กันกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้กำลังไฟไม่เพียงพอและไฟตกได้ สำหรับผู้ที่การติดเครื่องชาร์จ EV แนะนำว่าถ้ามิเตอร์ไฟ 1 Phase ควรเปลี่ยนเป็นขนาด 3 Phase 15(45)A เพื่อให้ไฟในบ้านใช้ได้อย่างเสถียร
หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่ามิเตอร์ไฟมีขนาดที่ไม่เหมาะสมกับการติดตั้ง EV Charger ควรติดต่อไปที่การไฟฟ้า เพื่อขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้าน ช่องทางการติดต่อการไฟฟ้า เพื่อขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าดังนี้
**การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA Call Center 1129
**การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130

        4.การเลือกจุดติดตั้งเหมาะสม – ระยะจากจุดติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าจนถึงจุดที่เสียบเข้าตัวรถที่จอด ไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จ EV Charger ปกติจะอยู่ที่ 5-7 เมตร
-จุดที่ติดตั้งเครื่องชาร์จ ควรสะดวกต่อการเดินไฟจากตู้เมนไฟฟ้าในบ้าน ไม่ควรเป็นโรงรถที่อยู่ห่างไกล เพราะอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับเดินสายไฟสูงขึ้น
-ควรติดตั้ง EV Charger ใต้ที่มีหลังคาป้องกัน เพื่อป้องกันละอองฝน และสามารถยืดระยะการใช้งานเครื่อง EV Charger ให้ยาวนาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของการกันน้ำของเครื่อง EV Charger นั้น ๆ ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก   Phithan Green

Scroll to Top